เด็กและเยาวชน กับประชาธิปไตยในอนาคต
โดย สร อักษรสกุล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
สังคมไทยทุกวันนี้ ไม่ว่าจะไปทางไหน หรือคุยกับใครมักไม่พ้นเรื่องเสื้อเหลือง และ เสื้อแดง และเมื่อรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีเดินทางไปจังหวัดใด มักจะได้รับการต่อต้านถึงขั้นขว้างปาสิ่งของหรือปฏิกูลเข้าใส่เสมอ หากพื้นที่นั้นมีสมาชิกของคนเสื้อแดงอยู่ และรวมตัวกันไปต้อนรับด้วยความไม่เป็นมิตร
ไม่มีใครตอบได้ว่าเหตุการณ์ลักษณะที่สร้างความแตกแยกและร้าวฉานของคนในสังคมไทยอย่างนี้จะมีกันไปอีกกี่วัน กี่เดือนและกี่ปี ซึ่งแน่นอนว่าล้วนสร้างความทุกข์ให้กับคนไทยแทบทุกคน และหลายคนยังเป็นทุกข์ แทน "พ่อหลวง" ของเราด้วย ที่มีความเชื่อว่าพระองค์คงไม่สบายพระราชหฤทัยแน่นอน ที่คนไทยต้องมาแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรัชสมัยของพระองค์ อย่างนี้
บางทีคำของคนโบราณที่ว่า "ไม้แก่ดัดยาก ไม้อ่อนยังพอดัดได้" นั้น คงจะเป็นความจริงที่น่าจะลองฟังและนำไปปฏิบัติกันดู
เช่นเดียวกับที่ประเทศเยอรมนีได้กระทำสำเร็จมาแล้ว หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะผู้นำของประเทศที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอย่าง อด๊อฟท์ ฮิตเลอร์ ได้นำประเทศเข้าไปสู่ความหายนะเมื่อผู้นำของเยอรมนีได้ประกาศทำสงครามเพื่อยึดดินแดนของประเทศต่างๆ แต่ในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบแก่ฝ่ายพันธมิตร
เยอรมนีสร้างรากฐานของประชาธิปไตยแก่คนรุ่นใหม่ ให้แก่เด็กและเยาวชนหลังสงครามเสร็จสิ้นเป็นต้นมา และเด็กและเยาวชนรุ่นนั้น คือ ผู้ปกครองและผู้สร้างชาติ สร้างประชาธิปไตยของประเทศเยอรมนีในทุกวันนี้
รวมเวลาเบ็ดเสร็จแล้วก็ใช้เวลานานร่วมกึ่งศตววรรษ กว่าเยอรมนีจะกลายมาเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ประเทศหนึ่งในทวีปยุโรปอย่างทุกวันนี้
ถ้าจะนับเวลาจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทยมาถึงทุกวันนี้ ก็เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ หรือ 77 ปีแล้ว แต่ประชาธิปไตยของไทยยังล้มลุกคลุกคลานและลุ่มๆ ดอนๆ ตลอดมา ด้วยปัจจัยหลายประการดังที่หลายท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว เมื่อเกิดความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นมาทีไร "รัฐธรรมนูญ" จะถูกกล่าวหาและเป็นจำเลยอยู่ร่ำไป
เพราะรัฐธรรมนูญไม่ดีมาตรานั้น มาตรานี้ จะต้องทำการแก้ไขเสียใหม่ แล้วอย่างนี้เราจะต้องร่างหรือจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญกันไปอีกกี่ฉบับ กี่มาตรา
ทั้งหลาย ทั้งปวงล้วนเกิดความวุ่นวายขึ้นมาจากคนทั้งสิ้น ก็คนไทยอย่างเราๆ ท่านๆ ทั้งหลายนี่แหละครับ ที่มักเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ของส่วนร่วมหรือประเทศชาติ
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เขียนได้รับเชิญจากสถาบันพระปกเกล้า สถาบันที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่มุ่งมั่นพัฒนาประชาธิปไตย และเป็นสถาบันที่ผู้เขียนได้เคยมีโอกาสได้รับคัดเลือกให้เข้าไปเรียนในหลักสูตร การเมืองการปกครอง สำหรับนักบริหารชั้นสูง (รุ่นที่ 7 หรือ ปปร.7) โดยร่ำเรียนกับนักการเมืองทั้ง ส.ส. และ ส.ว. เกือบครึ่งห้อง นอกนั้นก็เป็นนายทหาร นายตำรวจและข้าราชการระดับ 9 ขึ้นไป ซึ่งหลังจากจบตามหลักสูตรนี้ไปหลายปีแล้ว ผู้เขียนไม่ค่อยได้ไปร่วมกิจกรรมของสถาบันเท่าใดนัก เมื่อทราบว่าสถาบันจะจัดสัมมนาเรื่องของประชาธิปไตยโดยเน้นไปที่เด็กและเยาวชนขึ้นมา จึงตอบรับไปร่วมการสัมมนานี้ทันที
เนื่องจากปัญหาความไม่เข้าใจในหลักการของประชาธิปไตยของคนไทยจำนวนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นจำนวนมากด้วย ความวุ่นวายทางการเมืองจึงยังคงปรากฏให้เห็นตามสื่อต่างๆ เสมอมา แทบทุกวันก็ว่าได้ คนเหล่านี้บางทีอาจจะไม่สามารถจะพึ่งพาที่จะพัฒนาประชาธิปไตยได้เสียแล้ว เราจะต้องมองไปที่เด็กและเยาวชน เพื่อให้เขามีความรู้และเข้าใจการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะเด็กและเยาวชนเหล่านี้ คือความหวังในอนาคตของเรา
จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง หากเราจะปล่อยให้เด็กและเยาวชนเห็นการกระทำที่ผิดๆ ของผู้ใหญ่แล้วนำไปปฏิบัติตาม ดังที่ผู้สัมมนาสุภาพสตรีท่านหนึ่งพูดถึงเด็กเล็กระดับอนุบาลที่โรงเรียนแห่งหนึ่งนำท็อฟฟี่ไปแจกเพื่อนๆ ในชั้นเรียนของตนเพียงเพื่อต้องการให้ช่วยลงคะแนนเสียงให้ตนที่สมัครเป็นหัวหน้าชั้น และก็ได้เป็นสมดังใจ ผู้เป็นพ่อของเด็กคนนั้นก็แสดงความปลาบปลื้มที่ลูกของตนชนะคู่แข่งทั้งหมด โดยไม่สนใจในวิธีการหาเสียงที่ลูกของตนกระทำ
เยาวชนที่เป็นนักเรียน นักศึกษา จำนวนไม่น้อยที่กู้เงินจากกองทุนเพื่อการศึกษของรัฐบาล เมื่อเรียนจบแล้วเบี้ยวการใช้หนี้คืน และการหาหนทางทุกวิธีที่จะโกงการสอบ ที่ปรากฏเป็นข่าวคราวอยู่ทุกปี ล้วนเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งสำหรับอนาคตของประเทศไทย เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างที่ผู้ใหญ่ และนักการเมืองที่ไม่ดีได้ประพฤติให้รู้ให้เห็นกันอยู่เสมอในช่วงที่ผ่านๆ มา
ผู้เขียนจึงมีความหวังขึ้นมาบ้างที่สถาบันพระปกเกล้า ได้เพิ่มกลุ่มเป้าหมายในการวางรากฐานการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไปที่เด็กและเยาวชน ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าน่าจะได้ผลและได้ประโยชน์มากกว่า การอบรมในหลักสูตรต่างๆ แก่ผู้ใหญ่ ทั้งนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง ดังที่ผ่านมา
วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11546 มติชนรายวัน หน้า 6